ทำไมฉันถึงเป็นมะเร็ง?

12938 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ในสมัยก่อนสาเหตุการเสียชีวิตอันดับหนึ่งของคนไทยสาเหตุมาจากการติดเชื้อ แต่เมื่อมีการผลิตยาปฏิชีวนะและวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูงในการต่อต้านเชื้อโรคนานาชนิดออกมา ก็ทำให้อัตราการเสียชีวิตด้วยโรคติดเชื้อของคนไทยลดลง แต่ในปัจจุบันนี้ โรคที่คร่าชีวิตคนไทยเป็นอันดับ 1 โดยมีอัตราการเสียชีวิตมากกว่าร้อยละ 15 และเห็นทีว่าจำนวนตัวเลขที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากการเสียชีวิตของคนไทยนั้น ดูท่าจะไม่วี่แววลดลง นั่นคือ โรคมะเร็ง

โรคมะเร็งเป็นเสมือนระเบิดเวลาที่ถูกซุกซ่อนอยู่ในตัวคนไทยในยุคปัจจุบัน เพราะเซลล์มะเร็งเกิดขึ้นในร่างกายของเราตลอดเวลา รอเพียงเวลาที่ร่างกายของเราอ่อนแอ มันก็จะปรากฏตัวออกมา อัตราความเสี่ยงที่เราจะมีการระเบิดเวลามะเร็งอยู่ในตัวเองก็คือ ใน 8 คน จะต้องมีระเบิดเวลามะเร็ง 1 คน 

สาเหตุของการมะเร็ง

โรคมะเร็งไม่ได้เกิดกันง่ายๆจากสาเหตุเพียงหนึ่งเดียว อย่างที่บางคนเข้าใจกัน เช่น กินเนื้อสัตว์แล้วเป็นมะเร็ง  หรือกินน้ำตาลแล้วทำให้ก้อนมะเร็งใหญ่ขึ้น  แต่มะเร็งเป็นโรคที่มีความซับซ้อน  มีปัจจัยร่วมหลายอย่างที่ทำให้เซลล์ของคนคนหนึ่งเกิดการผ่าเหล่า และทำให้เซลล์เหล่านั้นโตขึ้น และไม่ตอบสนองต่อระบบภูมิคุ้มกัน ปกติในร่างกายจนเกิดเป็นก้อนมะเร็งขึ้นในที่สุด ปัจจัยต่างๆนั้นบางปัจจัยเราสามารถป้องกันได้โดยการไม่เสพหรือปรับพฤติกรรม ในขณะที่บางอย่างไม่อาจปรับได้ เช่น ปัจจัยทางพันธุกรรม เป็นต้น

ปัจจัยหลักๆ ที่เป็นปัจจัยเสี่ยงให้เกิดโรคมะเร็ง

  1. บุหรี่
  2. ผลิตภัณฑ์จากแฮลกอฮอร์
  3. พันธุกรรม
  4. การติดเชื้อไวรัสหรือพยาธิ
    1) การติดเชื้อเอสพีวี
    2) การติดเชื้อเอชบีวี เชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดบี และเชื้อเอชซีวี เชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดซี
    3) การติดเชื้อเอชไอวี หรือ โรคเอดส์
    4) การติดเชื้ออีบีวี
    5) การติดเชื้อเอชไพโลไร หรือเชื้อแบคทีเรียเฮริโคแบคเตอร์ไพโลไร
    6) การติดเชื้อพยาธิใบไม้ในตับ
  5. อาหาร
    5.1 เฮทเทอโรไซคลิก เอมีนส์ และโพลีไซคลิก อะโรมาติก ไฮโดรคาร์บอนส์ พบในเนื้อสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหมู ไก่ ปลา ที่ได้รับการทอด หรือผ่านอุณหภูมิสูง หรือย่างด้วยเปลวไฟ

        5.2 สารอะคริลาไมด์ สารประกอบที่ใช้ในอุตสาหกรรมกระดาษ สีย้อมผ้า พลาสติก และใช้ในการทำความสะอาดขวดน้ำดื่ม

   6. โรคอ้วน

    7. รังสี

คุณหมอสมหมาย ทองประเสริฐ มีฉายาว่า “หมอเทวดา” ได้ให้นิยามเกี่ยวกับมะเร็งไว้ดังต่อไปนี้

มะเร็ง คือ ขโมย ซึ่งเข้าบ้านโดยเราไม่รู้ตัว เพราะทุกคนที่เป็นมะเร็งจะไม่รู้ตัวทั้งนั้น มารู้เมื่อมันโผล่มาแล้วเหมือนพวกขโมยจะเข้าบ้านเมื่อไหร่เราไม่รู้ตัว ตื่นมาข้าวของก็หายไปหมดแล้ว

มะเร็ง คือ ผู้ร้าย ซึ่งร้ายที่สุดและหนีตำรวจสุดฤทธิ์ ตำรวจไล่ไม่มีทันเพราะฉะนั้นการรักษาสมัยใหม่ก็คือการไล่รักษา เดี๋ยวให้โน่นย้ายนี่ ไล่กันไปเรื่อยๆ คนไข้บางคนมาหาหมอสมหมายแล้วบอกว่า หมอที่รักบอกว่าไม่รู้จะให้ยาอะไรแล้ว ดื้อยาเคมีหมดให้ไปหาสมุนไพรกินอย่างนี้เป็นต้น

มะเร็ง คือ ขี้ผง  กวาดเท่าไหร่ก็ไม่มีวันหมด มะเร็งมันชอบซุกซ่อนอยู่ตามอวัยวะในร่างกาย ไม่รู้ว่าตรงส่วนไหน  แต่อยู่ดีๆ 10 ปีฉันก็โผล่มาเล่นงาน เป็นเรื่องน่ากลัวมากที่สุด อาทิ ท่านตัดเอาก้อนเนื้อออกเชื้อมะเร็งไม่ได้อยู่ในก้อนเนื้อแต่อย่างเดียวเชื้อมะเร็งอยู่ในเลือดในน้ำเหลืองในเนื้อเยื่อ มีสิทธิ์งอกหรือกระจายใหม่ได้ทุกเมื่อ เพราะฉะนั้นการผ่าตัดก็ดี การฉายแสงก็ดี การใช้ยาเคมีก็ดี คือการรักษาแบบยับยั้งชั่วคราวเท่านั้น อย่าคิดว่าหายขาด มะเร็งอาจงอกใหม่ได้ทุกเมื่อเพราะแผนปัจจุบันในการรักษามะเร็งได้แค่ ตัดใช้คีโม ฉายแสง วนอยู่อย่างนี้ ดีไม่ดีก็เปลี่ยนชนิดของยาให้แรงขึ้นๆ ผลก็เหมือนเดิม จากประสบการณ์ของผมซึ่งคนไข้มาบอกให้ฟังอยู่เสมอในแผนปัจจุบันไม่มียาอะไรควบคุมการกระจายของมะเร็งได้  ทำได้เพียงไล่ตามมะเร็งเท่านั้น คนไข้บางคนตัดเต้านมมา 20 ปี แล้วงอกใหม่ก็ยังมี ส่วนใหญ่คนไข้จะเสียชีวิตก่อนถึงเวลาหมอนัด คนไข้บางคนหมอนัดอีกหลายเดือนข้างหน้า เมื่อไปทำคีโม ฉายแสง หรือผ่าตัด  ทั้งที่คนไข้อาการหนักอยู่แล้ว แสดงว่าหมอนัดให้เสียชีวิตก่อน

แต่ก็ใช่ว่าท่านจะดำรงอยู่เพื่อช่วยทุกชีวิตที่เจ็บป่วย เพราะโรคมะเร็งเป็นโรคที่คอยไม่ได้ กินทุกวินาทีกินแม้ขณะหลับหรือตื่น  ท่านเปรียบกับไฟลามทุ่ง ไฟไม่ค่อยท่าดอกเบี้ยธนาคารกินวันละหน  แต่มะเร็งกินตลอดเวลา คุณหมอจึงได้คิดค้นสูตรยาเพื่อบำรุงน้ำเหลือง บำรุงร่างกาย และรักษามะเร็งโดยเฉพาะ ผลิตออกมาในรูปของ G-Herb แคปซูลวัน นั่นเอง



การรับประทาน จีเฮิร์บ แคปซูลวัน เพื่อรักษา

- ช่วยเสริมภูมิต้านทานให้กับร่างกาย บำรุงร่างกาย บำรุงน้ำเหลือง  
ระบบไหลเวียนของน้ำเหลือง  ภายในร่างกายคนเราประกอบด้วย ต่อมน้ำเหลืองและท่อน้ำเหลือง ถ้าระบบน้ำเหลืองในร่างกายดีเป็นปกติ ก็จะเป็นเกราะป้องกันการเกิดโรคต่างๆ ได้โดยเฉพาะโรคมะเร็ง

วิธีรับประทาน : ครั้งละ 2-3 แคปซูล ก่อนอาหาร 30 นาที (เช้า-เย็น)

ระยะเวลาเห็นผล : รับประทานต่อเนื่องอย่างน้อย 1-2 เดือน (ขึ้นอยู่แต่ละบุคคล) ร่างกายจะดูเปล่งปลั่ง ผิวพรรณดูสดใสขึ้น ถ้าหากน้ำเหลืองดีขึ้นจะทำให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง และกระตุ้นให้เม็ดเลือดขาวทำลายเชื้อโรคได้ดียิ่งขึ้น

- ช่วยในการรักษาผู้ป่วยที่น้ำเหลืองเสีย
เช่น ภูมิแพ้ (อากาศ, ผิวหนัง) แพ้น้ำลายยุง แผลหายช้า เป็นแผลเป็นง่าย สิวอักเสบ เป็นฝี หรือ สะเก็ดเงิน เป็นต้น
วิธีรับประทาน : ครั้งละ 3 แคปซูล ก่อนอาหาร 30 นาที (เช้า เย็น)

ระยะเวลาเห็นผล: รับประทานต่อเนื่องอย่างน้อย 1-3 เดือน (ขึ้นอยู่แต่ละบุคคล) ร่างกายจะกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ขจัดของเสียหรือสิ่งแปลกปลอม เพื่อสร้างสมดุลให้แก่ร่างกาย 

- สำหรับผู้ป่วยที่ตรวจพบซีสหรือก้อนเนื้อ เพื่อต้องการให้ก้อนเนื้อหยุดเจริญเติบโตและยุบตัวลง
วิธีรับประทาน :  ครั้งละ 4 แคปซูล ก่อนอาหาร 30 นาที (เช้า กลางวัน เย็น)

ระยะเวลาเห็นผล : รับประทานต่อเนื่องอย่างน้อย 3-4 เดือน (ขึ้นอยู่แต่ละบุคคล) เมื่อเข้าไปตรวจเช็คผลที่โรงพยายาบาล จะทราบผลทันทีว่าดีขึ้น โดยดูจากขนาดก้อนเนื้อที่ยุบลงทำให้ง่ายต่อการผ่าตัดชิ้นเนื้อทิ้ง

อาการข้างเคียง :  พบว่าการรับประทาน จี-เฮิร์บ แคปซูลวัน ไม่ก่อให้เกิดผลเสียใดๆต่อร่างกาย อาจมีอาการข้างเคียงเพียงเล็กน้อย (ในบางราย) ภายใน 3-7 วัน ทั้งนี้ควรปรับขนาดยาตามคำแนะของผู้เชี่ยวชาญ

การเก็บรักษา : ควรเก็บรักษา จี-เฮิร์บ แคปซูลวัน ไว้ในที่ที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า 30 องศาเซลเซียส และอย่าเก็บไว้ใกล้ความร้อนหรือแสงแดด

ขนาดบรรจุ : 1 กระปุก บรรจุ 60 แคปซูล

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้